วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วันสุนทรภู่ 2555

กิจกรรมวันสุนทรภู่ 2555 จัดขึ้นในวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ 2555 ณ โรงยิมโรงเรียนสารสาสน์วิเทศรังสิต 
เป็นกิจกรรมของนักเรียนช่วงชั้นที่ 2 ตั้งแต่ G.4-6 และ ป.4-6

 
 





วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2555

การฟื้นฟูสมอง เพิ่มความฉลาดทางปัญญา



แม้ว่าเมื่ออายุเพิ่มขึ้นในแต่ละปี  พลังสมองก็จะค่อยๆเสื่อมลงเป็นธรรมดา แต่จริงๆ  แล้วถ้าเราบริหารสมอง  มันก็เป็นการฟื้นฟูประสิทธิภาพของสมองให้คงฟิตเปรี๊ยะอยู่เสมอ
      ถ้ามีการกระตุ้นสมองเป็นประจำ  ในสมองของเรานั้นก็จะเพิ่มการเชื่อมต่อขึ้นอีกนับล้านๆ จุด  ซึ่งนั่นย่อมหมายความว่าสมองจะมีศักยภาพเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
      ในส่วนของสติปัญญาของคนเรานั้น  สามารถจะพัฒนาให้เปลี่ยนแปลงได้ด้วย  เพราะความสามารถของสมองก็คือตัวบ่งชี้สติปัญญาของแต่ละบุคคลนั่นเอง
      ทักษะหลักๆ  3  ประการของสมองก็คือ
1.ความสามารถในการจำ  
2.การเรียนรู้  
3.การใช้ความคิดสร้างสรรค์
                ถ้าบุคคลใดสามารถมีความจำที่ดี  สามารถเรียนรู้ได้ดีและเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ด้วย  อย่างนี้ก็ถิอว่าเป็นคนที่มีสติปัญญาชาญฉลาดด้วย  เพราะมันสมองของเขามี

ที่มา : http://www.krabork.com/

การทำการ์ดไหว้ครู



Reading Time ป.4/1 เรื่อง Tips เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้



วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ผลงานแห่งความภาคภูมิใจ

การแข่งขันแบดมินตัน FORZA BADMINTON JUNIOR 2012    วันที่  2 เมษายน พ.ศ.2555  
ด.ช. รชต  ตุ้ยหล้า ได้รับรางวัล รองชนะเลิศ ประเภทชายเดี่ยว รุ่นอายุ  10  ปี

การแข่งขันแบดมินตัน YONEX-BANTHONGYORD OPEN 2012  ณ วันที่  22 เมษายน  พ.ศ. 2012
ด.ช. รชต   ตุ้ยหล้า  ได้รับรางวัล  รองชนะเลิศ  ประเภท ชายเดี่ยว   รุ่นอายุ 10  ปี และ ได้รับรางวัีล รองชนะเลิศอันดับ 2 ประเภท ชายคู่  รุ่นอายุ  10 ปี

การแข่งขันแบดมินตัน BADminton LI-NING OPEN 2012 ณ วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
ด.ช. รชต ตุ้ยหล้า ได้รับรางวัล รองชนะเลิศอันดับ 2 ประเภท ชายคู่  รุ่นอายุ  10  ปี

การแข่งขันแบดมินตัน TASSANA GARDEN CLUB BADMINTON MASTER II 2012
ด.ช. รชต ตุ้ยหล้า  ได้รับรางวัล รองชนะเลิศ  ประเภท ชายเดี่ยว  รุ่นอายุ  10  ปี
 

 

 
 










วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สาระน่ารู้เกี่ยวกับการเรียน

. การอ่าน

Information is power ในสังคมปัจจุบันใครที่มีข้อมูลมากก็ย่อมมีความคิดที่ลุ่มลึกกว่า และความคิดก็จะนำมาซึ่งเงินทอง ฐานะ ตำแหน่งและอำนาจ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการอ่าน เราควรทราบวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านด้วยวิธีง่าย ๆ อันดับแรกคือ ถามตัวเองก่อนว่า ” เราต้องการประโยชน์อะไรจากการอ่านในครั้งนี้ 
 
เทคนิคในการอ่านเร็ว
๑. ควรอ่านไม่มีเสียงในใจ
๒. การอ่านจับใจความสำคัญ เพื่อหาประเด็นที่ผู้เขียนต้องการสื่อ สามารถทำได้โดย
 เริ่มต้นการอ่านด้วยการหา key concept >> ตัดสินใจว่าจำเป็นต้องอ่านรึเปล่า
เราต้องการรู้อะไร และจะอ่านส่วนไหนบ้าง >> อ่านเจาะประเด็น ก็ทำให้เราไม่เสียเวลาอ่านทุกหน้า

๓. ต้องประเมินแหล่งข้อมูล เพราะประโยชน์สูงสุดของการอ่านคือ
การนำข้อมูลมาใช้ จึงจำเป็นต้องประเมินความน่าเชื่อถือ และแหล่งที่มาของข้อมูล
สามารถวัดได้จาก เช่น เป็นข้อมูลที่ update หรือไม่ สำนักพิมพ์อะไร เป็นต้น

. การฟัง
ตามทฤษฎีที่ว่าข้อมูลที่เราได้รับทุกอย่างจะถูกบันทึกในสมองของเรา ถ้าเราได้รับข้อมูลที่ถูกต้องในทางบวกเยอะๆ ย่อมทำให้เราเป็นคนมองโลกในแง่บวก พร้อมที่จะแก้ปัญหามากกว่ายอมแพ้ปัญหา ดังนั้น เราควรกลั่นกรองแต่ละข้อมูลที่เราได้รับ ก่อนที่ข้อมูลนั้นจะถูก Memory ในสมองของเรา ซึ่งมีกลวิธีดังนี้
๑. ประเมินผู้พูด :
มีความน่าเชื่อถือ หรือไม่, ความน่าเชื่อถือ: น่าเชื่อถือ แต่ไม่ชอบพูด, เทคนิค: ตั้งคำถาม หรือพูดยั่วยุแต่สุภาพ เช่น วิพากษ์วิจารณ์ความคิด เพื่อกระตุ้นให้เขาพูด เป็นต้นน่าเชื่อถือ แต่พูดไม่ตรงประเด็น ให้ถามอย่างสุภาพว่า ประเด็นที่กำลังพูดคืออะไร? ช่วยสรุปให้ฟังสัก ๒ ประโยคได้มั้ย? ถ้าไม่น่าเชื่อถือให้เราฟังตามมารยาทสังคม
๒. self-talk:
ถามตัวเองตลอดเวลาว่า ” ผู้พูดต้องการพูดเพื่ออะไร ”
๓. ฟังด้วยความรู้สึก : ใช่ หรือไม่ใช่
๔. การคิด
คนที่จะประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้องมี IQ สูง แต่ต้องมีความคิดอย่างเป็นระบบ และคิดอย่างสร้างสรรค์ในเรื่องที่มีประโยชน์ โดยมีระบบความคิดทั้งหมด ๖ ประเภท ดังต่อไปนี้

ประเภท ลักษณะ
- Think objectively คิดอย่างเป็นกลาง–เห็นความจริงตรงตามความจริง
- Think productively คิด ตัดสินใจโดยมองที่ “ผล” เมื่อเจอสถานการณ์หนึ่ง แล้วสามารถคิดพิเคราะห์ถึงผลทั้งด้านบวกและลบที่จะตามมา
- Think positively คิดหาทางแก้ปัญหาเมื่อพบอุปสรรคก็ยังสามารถคิดหาทางพลิกวิกฤตเป็นโอกาส
- Think creatively ความคิดที่สร้างเหตุและปัจจัยอันใหม่ เพื่อสร้างอนาคตของตัวเอง
ความสามารถในการเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ ที่เคยชินกับสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  อาจสร้างได้โดยการถามตัวเองว่า “ทำอย่างไรจึงจะทำงานของเราได้ดีกว่าเดิม?”

๓. การสร้างความจำ

ทางกายภาพสมองมนุษย์เราสามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้ ภายในเวลา ๑/ ๑๐๐๐ วินาที และโดยรู้ตัวหรือไม่ ข้อมูลที่เราได้รับจะอยู่ภายในสมองเราครบถ้วน เพียงแต่เราไม่สามารถดึงข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ได้ สาเหตุหนึ่ง
มาจากการ ” การลืม “ ทุกครั้งที่เราได้รับข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การอ่าน ฟัง หรือคิด เป็นต้น
จะเกิดอัตราการลืมโดยเฉลี่ยภายใน ๕ นาที จะจำข้อมูลได้ ๕๐ %  และถ้าผ่านไป ๑ วัน จำได้ ๑๐ %จากข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับ แต่ข้อมูลทั้งหมดยังอยู่ในสมองของเรา

 
คำถาม : ทำอย่างไรเราจึงจะสามารถจำข้อมูลที่เราอยากจำได้ ?
๑. จดบันทึก (take note) : เป็นการสั่งสมองให้จำข้อมูล
๒. สร้างภาพ : เพื่อช่วยให้มีความจำดีขึ้น ภาพที่สร้างควร
• ขนาดใหญ่กว่าความจริง
• ขยับมาก มีสีสัน ความรู้สึกรุนแรง
• เกินความจริง เช่น ลิงพูดได้ เป็นต้น

ที่มา : http://kbusociety.eduzones.com/th/archives/2899