๑. การอ่าน
Information is power
ในสังคมปัจจุบันใครที่มีข้อมูลมากก็ย่อมมีความคิดที่ลุ่มลึกกว่า
และความคิดก็จะนำมาซึ่งเงินทอง ฐานะ ตำแหน่งและอำนาจ
เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการอ่าน
เราควรทราบวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านด้วยวิธีง่าย ๆ อันดับแรกคือ
ถามตัวเองก่อนว่า ” เราต้องการประโยชน์อะไรจากการอ่านในครั้งนี้
เทคนิคในการอ่านเร็ว
๑. ควรอ่านไม่มีเสียงในใจ
๒. การอ่านจับใจความสำคัญ เพื่อหาประเด็นที่ผู้เขียนต้องการสื่อ สามารถทำได้โดย
เริ่มต้นการอ่านด้วยการหา key concept >> ตัดสินใจว่าจำเป็นต้องอ่านรึเปล่า
เราต้องการรู้อะไร และจะอ่านส่วนไหนบ้าง >> อ่านเจาะประเด็น ก็ทำให้เราไม่เสียเวลาอ่านทุกหน้า
๓. ต้องประเมินแหล่งข้อมูล เพราะประโยชน์สูงสุดของการอ่านคือ
การนำข้อมูลมาใช้ จึงจำเป็นต้องประเมินความน่าเชื่อถือ และแหล่งที่มาของข้อมูล
สามารถวัดได้จาก เช่น เป็นข้อมูลที่ update หรือไม่ สำนักพิมพ์อะไร เป็นต้น
๒. การฟัง
ตามทฤษฎีที่ว่าข้อมูลที่เราได้รับทุกอย่างจะถูกบันทึกในสมองของเรา
ถ้าเราได้รับข้อมูลที่ถูกต้องในทางบวกเยอะๆ
ย่อมทำให้เราเป็นคนมองโลกในแง่บวก พร้อมที่จะแก้ปัญหามากกว่ายอมแพ้ปัญหา
ดังนั้น เราควรกลั่นกรองแต่ละข้อมูลที่เราได้รับ ก่อนที่ข้อมูลนั้นจะถูก
Memory ในสมองของเรา ซึ่งมีกลวิธีดังนี้
๑. ประเมินผู้พูด :
มีความน่าเชื่อถือ หรือไม่, ความน่าเชื่อถือ: น่าเชื่อถือ แต่ไม่ชอบพูด, เทคนิค: ตั้งคำถาม หรือพูดยั่วยุแต่สุภาพ เช่น วิพากษ์วิจารณ์ความคิด เพื่อกระตุ้นให้เขาพูด เป็นต้นน่าเชื่อถือ
แต่พูดไม่ตรงประเด็น ให้ถามอย่างสุภาพว่า ประเด็นที่กำลังพูดคืออะไร?
ช่วยสรุปให้ฟังสัก ๒ ประโยคได้มั้ย?
ถ้าไม่น่าเชื่อถือให้เราฟังตามมารยาทสังคม
๒. self-talk:
ถามตัวเองตลอดเวลาว่า ” ผู้พูดต้องการพูดเพื่ออะไร ”
๓. ฟังด้วยความรู้สึก : ใช่ หรือไม่ใช่
๔. การคิด
คนที่จะประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้องมี IQ สูง
แต่ต้องมีความคิดอย่างเป็นระบบ และคิดอย่างสร้างสรรค์ในเรื่องที่มีประโยชน์
โดยมีระบบความคิดทั้งหมด ๖ ประเภท ดังต่อไปนี้
ประเภท ลักษณะ
- Think objectively คิดอย่างเป็นกลาง–เห็นความจริงตรงตามความจริง
- Think productively คิด ตัดสินใจโดยมองที่ “ผล” เมื่อเจอสถานการณ์หนึ่ง แล้วสามารถคิดพิเคราะห์ถึงผลทั้งด้านบวกและลบที่จะตามมา
- Think positively คิดหาทางแก้ปัญหาเมื่อพบอุปสรรคก็ยังสามารถคิดหาทางพลิกวิกฤตเป็นโอกาส
- Think creatively ความคิดที่สร้างเหตุและปัจจัยอันใหม่ เพื่อสร้างอนาคตของตัวเอง
ความสามารถในการเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ
ที่เคยชินกับสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อาจสร้างได้โดยการถามตัวเองว่า
“ทำอย่างไรจึงจะทำงานของเราได้ดีกว่าเดิม?”
๓. การสร้างความจำ
ทางกายภาพสมองมนุษย์เราสามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้ ภายในเวลา ๑/ ๑๐๐๐
วินาที และโดยรู้ตัวหรือไม่ ข้อมูลที่เราได้รับจะอยู่ภายในสมองเราครบถ้วน
เพียงแต่เราไม่สามารถดึงข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ได้ สาเหตุหนึ่ง
มาจากการ ” การลืม “ ทุกครั้งที่เราได้รับข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การอ่าน ฟัง หรือคิด เป็นต้น
จะเกิดอัตราการลืมโดยเฉลี่ยภายใน ๕ นาที จะจำข้อมูลได้ ๕๐ % และถ้าผ่านไป ๑
วัน จำได้ ๑๐ %จากข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับ
แต่ข้อมูลทั้งหมดยังอยู่ในสมองของเรา
คำถาม : ทำอย่างไรเราจึงจะสามารถจำข้อมูลที่เราอยากจำได้ ?
๑. จดบันทึก (take note) : เป็นการสั่งสมองให้จำข้อมูล
๒. สร้างภาพ : เพื่อช่วยให้มีความจำดีขึ้น ภาพที่สร้างควร
• ขนาดใหญ่กว่าความจริง
• ขยับมาก มีสีสัน ความรู้สึกรุนแรง
• เกินความจริง เช่น ลิงพูดได้ เป็นต้น
ที่มา : http://kbusociety.eduzones.com/th/archives/2899
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น