1.เด็กไม่มีนิสัยรักในการเรียน
2.เด็กไม่รู้จักแบ่งเวลาในการดูหนังสือ
ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่คุณพ่อ คุณแม่
ต้องช่วยสร้างนิสัยรักการเรียนให้แก่ลูก
สิ่งเหล่านี้อาจใช้เวลาในการตั้งต้นอย่างเอาจริงเอาจังประมาณ 1 -2 สัปดาห์
แต่การใช้ความสม่ำเสมอ จะช่วยสร้างลักษณะนิสัยได้
มีเทคนิคที่จะช่วยสร้างลักษณะนิสัยดังกล่าวต่อไปนี้
1. ต้องจัดเวลาในการดูหนังสือและทำการบ้านให้แก่เด็กทุกวัน
เป็นช่วงเวลาเดิม และทำเป็นประจำทุกวัน
2. จัดโต๊ะสำหรับทำการบ้านและดูหนังสือ ให้มีแสงสว่างอย่างเพียงพอและไม่มีเสียงรบกวน
3. ปิดทีวี วิทยุ หรือสิ่งเร้าที่รบกวนต่างๆ
4. เมื่อนั่งที่โต๊ะทำการบ้าน และดูหนังสือทุกครั้ง จะต้องฝึกให้เด็กทำงานทันที อย่าให้ทำเรื่องอื่นที่นอกเหนือจากการเรียน เช่นการตอบจดหมาย การคุยกับเพื่อนทางอินเตอร์เนต หรือการเล่นเกม เป็นต้น แต่ตั้งกฎกติกาไว้ว่าเด็กสามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้หลังจากสิ้นสุดการดูหนังสือหรือทำการบ้าน
5. ช่วยลูกในการวางแผนการทำการบ้านและดูหนังสือให้ชัดเจนในแต่ละวัน เช่น ทำเรียงความ 2 หน้า เขียนเรื่องสั้น 1 เรื่อง ตอบโจทย์เลข 10 ข้อ เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆจากการคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
6. หากงานที่ได้รับมอบหมายเป็นโครงการใหญ่ อาจช่วยลูกในการแบ่งหัวข้อ เป็นข้อย่อยๆเพื่อให้ง่ายขึ้น เช่น บทนำ การวางแผนที่จะทำโครงการนั้นสำเร็จ งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง บทสรุป เป็นต้น
7. มีอุปกรณ์เครื่องใช้ที่ง่ายต่อการหยิบจับ และนำมาใช้สอย เช่น มีกล่องกระดาษว่างๆ แล้วให้ลูกจัดอุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับการเรียนเตรียมพร้อมไว้ เพื่อเวลาใช้งานจะไม่รู้สึกหงุดหงิดว่าหาไม่เจอ
8. เมื่อลูกเริ่มใจลอย ไม่มีสมาธิในการดูหนังสือ ให้เตือนลูกทันที เพื่อลูกจะใช้เวลาในช่วงนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย หากสมองล้าเกินไปจะไม่สามารถทำกิจกรรมอื่นต่อไปได้ ดังนั้นควรจัดเวลาพักไว้ด้วย เช่น ทำการบ้าน 45 นาทีพัก 15 นาที เพื่อให้สมองกลับมาสดชื่นอีกครั้ง เป็นต้น
2. จัดโต๊ะสำหรับทำการบ้านและดูหนังสือ ให้มีแสงสว่างอย่างเพียงพอและไม่มีเสียงรบกวน
3. ปิดทีวี วิทยุ หรือสิ่งเร้าที่รบกวนต่างๆ
4. เมื่อนั่งที่โต๊ะทำการบ้าน และดูหนังสือทุกครั้ง จะต้องฝึกให้เด็กทำงานทันที อย่าให้ทำเรื่องอื่นที่นอกเหนือจากการเรียน เช่นการตอบจดหมาย การคุยกับเพื่อนทางอินเตอร์เนต หรือการเล่นเกม เป็นต้น แต่ตั้งกฎกติกาไว้ว่าเด็กสามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้หลังจากสิ้นสุดการดูหนังสือหรือทำการบ้าน
5. ช่วยลูกในการวางแผนการทำการบ้านและดูหนังสือให้ชัดเจนในแต่ละวัน เช่น ทำเรียงความ 2 หน้า เขียนเรื่องสั้น 1 เรื่อง ตอบโจทย์เลข 10 ข้อ เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆจากการคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
6. หากงานที่ได้รับมอบหมายเป็นโครงการใหญ่ อาจช่วยลูกในการแบ่งหัวข้อ เป็นข้อย่อยๆเพื่อให้ง่ายขึ้น เช่น บทนำ การวางแผนที่จะทำโครงการนั้นสำเร็จ งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง บทสรุป เป็นต้น
7. มีอุปกรณ์เครื่องใช้ที่ง่ายต่อการหยิบจับ และนำมาใช้สอย เช่น มีกล่องกระดาษว่างๆ แล้วให้ลูกจัดอุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับการเรียนเตรียมพร้อมไว้ เพื่อเวลาใช้งานจะไม่รู้สึกหงุดหงิดว่าหาไม่เจอ
8. เมื่อลูกเริ่มใจลอย ไม่มีสมาธิในการดูหนังสือ ให้เตือนลูกทันที เพื่อลูกจะใช้เวลาในช่วงนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย หากสมองล้าเกินไปจะไม่สามารถทำกิจกรรมอื่นต่อไปได้ ดังนั้นควรจัดเวลาพักไว้ด้วย เช่น ทำการบ้าน 45 นาทีพัก 15 นาที เพื่อให้สมองกลับมาสดชื่นอีกครั้ง เป็นต้น
9. การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นสิ่งที่สำคัญ
ดังนั้นควรจัดเวลาเข้านอน และไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ก่อนนอน 1-2
ชั่วโมง
เพราะจะทำให้นอนหลับไม่สนิทในเวลากลางคืน
10. รับประทานอาหารมีประโยชน์และให้ครบ 3 มื้อในแต่ละวัน ไม่ควรงดอาหารเช้าหรือาหารเย็น เพราะ ร่างกายของเด็กกำลังเจริญโต และสมองจะพัฒนาอย่างเต็มที่หากได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน
11. การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น ควรออกกำลังอย่างน้อยวันละ 20 นาที หากทำกันทั้งครอบครัวจะทำให้ลูกรู้สึกสนุกและเห็นความสำคัญของการออกกำลังกาย
12. หากลูกต้องการความช่วยเหลือ คุณพ่อคุณแม่จะคอยช่วยให้คำแนะนำได้ แต่ไม่ใช่ลงมือทำแทนลูก
ประโยชน์ที่ได้รับจาการสร้างลักษณะนิสัยรักการเรียนแก่ลูก
1.ช่วยพัฒนาด้านสติปัญญาด้านความคิดและความจำของลูก
2.ช่วยลูกให้พัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่ดี
3.ช่วยให้ลูกใช้เวลาอย่างฉลาด
4.ช่วยให้ลูกเรียนรู้การทำงานด้วยตัวของตัวเอง
5.สอนให้ลูกรู้จักรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย
6.ได้ทบทวนบทเรียนและฝึกปฏิบัติจริง
7.เตรียมพร้อมสำหรับบทเรียนในวันถัดไป
8.เรียนรู้การค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น ห้องสมุด อินเตอร์เนต เป็นต้น
9.ลูกสามารถต่อยอดความคิดต่างๆ และสามารถนำไปปรับใช้ในสถานการณ์อื่นๆได้
10.ตัวคุณพ่อคุณแม่เองจะทราบถึงความเคลื่อนไหวในการเรียนของลูก
11.เป็นเวลาที่มีค่าที่ครอบครัวจะได้ช่วยเหลือและพัฒนาความคิดไปด้วยกัน
12.คุณพ่อคุณแม่ควรอยู่ใกล้ๆลูกในขณะที่เขากำลังทำการบ้าน เพื่อที่คุณพ่อคุณแม่จะได้ช่วยสอนและอธิบายการบ้านแก่ลูก ในกรณีที่เขาไม่เข้าใจหรือทำการบ้านไม่ได้
ในขณะที่ลูกกำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ลูกต้องการแบบอย่าง การให้กำลังใจ หากผู้ปกครองเห็นความสำคัญในการจัดเวลา ช่วยลูกสร้างนิสัยรักการเรียนตั้งแต่ยังเล็กจะทำให้ลูกติดเป็นนิสัย และจะทำให้ลูกเป็นคนมีวินัยต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อหน้าที่การงานที่ตนเองรับผิดชอบ ซึ่งจะทำให้ลูกเป็นผู้ประสบความสำเร็จในการเรียนได้อย่างแน่นอน
..................................................................................................
10. รับประทานอาหารมีประโยชน์และให้ครบ 3 มื้อในแต่ละวัน ไม่ควรงดอาหารเช้าหรือาหารเย็น เพราะ ร่างกายของเด็กกำลังเจริญโต และสมองจะพัฒนาอย่างเต็มที่หากได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน
11. การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น ควรออกกำลังอย่างน้อยวันละ 20 นาที หากทำกันทั้งครอบครัวจะทำให้ลูกรู้สึกสนุกและเห็นความสำคัญของการออกกำลังกาย
12. หากลูกต้องการความช่วยเหลือ คุณพ่อคุณแม่จะคอยช่วยให้คำแนะนำได้ แต่ไม่ใช่ลงมือทำแทนลูก
ประโยชน์ที่ได้รับจาการสร้างลักษณะนิสัยรักการเรียนแก่ลูก
1.ช่วยพัฒนาด้านสติปัญญาด้านความคิดและความจำของลูก
2.ช่วยลูกให้พัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่ดี
3.ช่วยให้ลูกใช้เวลาอย่างฉลาด
4.ช่วยให้ลูกเรียนรู้การทำงานด้วยตัวของตัวเอง
5.สอนให้ลูกรู้จักรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย
6.ได้ทบทวนบทเรียนและฝึกปฏิบัติจริง
7.เตรียมพร้อมสำหรับบทเรียนในวันถัดไป
8.เรียนรู้การค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น ห้องสมุด อินเตอร์เนต เป็นต้น
9.ลูกสามารถต่อยอดความคิดต่างๆ และสามารถนำไปปรับใช้ในสถานการณ์อื่นๆได้
10.ตัวคุณพ่อคุณแม่เองจะทราบถึงความเคลื่อนไหวในการเรียนของลูก
11.เป็นเวลาที่มีค่าที่ครอบครัวจะได้ช่วยเหลือและพัฒนาความคิดไปด้วยกัน
12.คุณพ่อคุณแม่ควรอยู่ใกล้ๆลูกในขณะที่เขากำลังทำการบ้าน เพื่อที่คุณพ่อคุณแม่จะได้ช่วยสอนและอธิบายการบ้านแก่ลูก ในกรณีที่เขาไม่เข้าใจหรือทำการบ้านไม่ได้
ในขณะที่ลูกกำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ลูกต้องการแบบอย่าง การให้กำลังใจ หากผู้ปกครองเห็นความสำคัญในการจัดเวลา ช่วยลูกสร้างนิสัยรักการเรียนตั้งแต่ยังเล็กจะทำให้ลูกติดเป็นนิสัย และจะทำให้ลูกเป็นคนมีวินัยต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อหน้าที่การงานที่ตนเองรับผิดชอบ ซึ่งจะทำให้ลูกเป็นผู้ประสบความสำเร็จในการเรียนได้อย่างแน่นอน
..................................................................................................
" เป็นเด็กดี...กันนะครับ../....เพื่อสังคมที่ดี...ประเทศไทยจะได้หมดภัยซะที.."
แฮปปี้../มีความสุขนะครับ./บ๊ายบ๋ายจ้า../
............................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น